June 13, 2024

ไม่ซักผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว อาจเจอสิ่งนี้มาเยือน!

แฟรนไชส์ซักอบขอแนะนำเทคนิคซักผ้าปูที่นอน ลดโอกาสเจอเรื่องน่าตกใจบนที่นอน

นอกจากเสื้อผ้าที่เราจะต้องซักเป็นประจำแล้ว ยังมีของใช้ในบ้านอื่นๆ อีกที่เราจะต้องหมั่นซักอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม หรือผ้าเช็ดตัว เพราะวัสดุที่เป็น “ผ้า” แน่นอนว่าจะต้องมีฝุ่นมาเกาะ และยังเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้อีกด้วย แต่เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราไม่ได้สวมใส่ออกนอกบ้านทุกวัน หลายคนจึงไม่ทราบว่าผ้าปูที่นอนหรือผ้าขนหนู ควรซักบ่อยแค่ไหน และถ้าหากไม่ซักจะเกิดอะไรขึ้น ในบทความนี้ Washenjoy แฟรนไชส์ซักอบจะมาให้คำตอบกัน

 

ผ้าปูที่นอนและผ้าขนหนู หากไม่ซักจะเกิดแบคทีเรียสะสมยิ่งกว่าชักโครกหลายเท่า!

จากข้อมูลของนักเทคนิคการแพทย์ชื่อดัง ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน หรือคุณหมอเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “หมอแล็ปแพนด้า” ได้ออกมาโพสต์แนะนำเกี่ยวกับการซักผ้าเช็ดตัวและผ้าปูที่นอนเพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่จะต้องสัมผัสกับผิวหนังของเราทุกวัน จึงมีเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วสะสมอยู่ที่ผ้า เมื่อผ้ายิ่งชื้น แบคทีเรียก็ยิ่งเจริญเติบโตได้ไวขึ้น

โดยเฉพาะผ้าขนหนูที่มักจะเกิดการอับชื้นได้ตลอดเวลา ยิ่งหากนำตากไว้ในห้องน้ำก็ยิ่งเกิดการสะสมเชื้อโรคได้หลายเท่า ดังนั้นควรนำไปตากไว้ที่ปลอดโปร่ง รวมถึงยังต้องมีการซักเป็นประจำด้วย

 

ถ้าไม่ซักผ้าปูที่นอนและผ้าเช็ดตัว เราจะต้องเจอกับอะไร?

การไม่ซักผ้าปูที่นอนและไม่ผ้าเช็ดตัว ไม่เพียงแต่จะทำให้ผ้ามีคราบเปื้อน หรือมีกลิ่นอับเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและสิ่งสกปรกอื่นๆ ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

  • ไรฝุ่น : ไรฝุ่นเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ในฝุ่นละออง มีความสกปรกและอันตรายกว่าที่เราคาดคิด เนื่องจากไรฝุ่นสามารถก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ เช่น จาม น้ำมูกไหล คันตา และหายใจลำบาก รวมถึงยังทำให้เกิดโรคหอบหืดได้อีกด้วย

  • แบคทีเรีย : แบคทีเรียสามารถเจริญเติบโตได้ดีในผ้าปูที่นอนและผ้าเช็ดตัวที่มีความเปียกชื้น สามารถเกิดได้ทั้งจากผ้าเช็ดตัวที่ไม่แห้ง หรือจากคราบเหงื่อไคลและรังแคของเราเอง ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้

  • เชื้อรา : เชื้อราสามารถเจริญเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในผ้าปูที่นอนและผ้าเช็ดตัวที่ไม่ได้ผ่านการซักมาเป็นเวลานาน ยิ่งมีความชื้นมากเท่าไรก็ยิ่งทำให้เกิดเชื้อราได้มากเท่านั้น ดังนั้นหากเจอเชื้อราบนผ้า เราควรทิ้งแล้วซื้อใหม่ เพราะเชื้อราเหล่านี้ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ด้วย

 

อันตรายจากสิ่งสกปรกบนผ้าปูที่นอนและผ้าเช็ดตัว

สิ่งสกปรกต่างๆ ทั้งคราบเหงื่อไคล แบคทีเรีย เชื้อรา ไรฝุ่นที่สะสมอยู่บนผ้าปูที่นอนและผ้าขนหนู สามารถส่งผลโดยตรงต่อระบบทางเดินหายใจและผิวหนังของเราได้ โดยอันตรายจากสิ่งสกปรกบนผ้าปูที่นอนและผ้าเช็ดตัว ได้แก่

  • เป็นโรคภูมิแพ้
    ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ มักจะเกิดจากสภาพอากาศหรือสภาพแวดล้อมโดยรอบไม่ดี มีฝุ่นเยอะ เมื่อร่างกายเกิดปฏิกิริยากับสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้ก็จะทำให้เกิดอาการไอ จาม คัดจมูก แสบจมูก ตาแดง น้ำมูกไหล

  • หายใจไม่สะดวก
    สำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้ว ยิ่งต้องเจอกับไรฝุ่น ฝุ่น แบคทีเรีย สิ่งสกปรกต่าง ๆ ก็จะทำให้รู้สึกหายใจไม่สะดวก หายใจไม่ออก อีกทั้งยังทำให้เป็นโรคหอบหืดได้ง่ายอีกด้วย

  • ทำให้รูขุมขนอักเสบ
    หากผิวหนังของเราสัมผัสกับสิ่งสกปรกเหล่านี้บ่อย ๆ ก็จะทำให้รูขุมขนอักเสบ เกิดสิว ผิวเป็นผดผื่น ได้แทบทุกส่งของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า แขน ขา หน้าอก หรือว่าหลัง


  • เกิดโรคทางผิวหนัง 
    หากร้ายแรงที่สุด สิ่งสกปรกจำพวกเชื้อรา แบคทีเรียจะทำให้เกิดโรคทางผิวหนังอย่าง โรคเริม กลาก หรือเกลื้อนได้ รวมทั้งยังทำให้ผิวหนังอักเสบ มีอาการคัน บวม แดงตลอดเวลา

 

ผ้าปูที่นอนและผ้าเช็ดตัว ควรซักบ่อยแค่ไหน?

ถึงแม้ว่าผ้าปูที่นอนและผ้าเช็ดตัวจะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค แต่ถ้าจะให้ซักทุกวันก็อาจจะทำให้แห้งไม่ทัน หรือสีซีดได้ง่าย ดังนั้นจึงต้องมีการเว้นระยะเวลาในการซัก ดังนี้

  • ผ้าปูที่นอน
    สำหรับผ้าปูที่นอน ควรต้องซักอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง หรือเต็มที่ไม่เกิน 2 สัปดาห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าปูที่นอนของผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และผ้าปูที่นอนของเด็กเล็ก ส่วนผ้านวมผืนหนา ควรซักอย่างน้อยเดือนละครั้ง

  • ผ้าเช็ดตัว
    ผ้าเช็ดตัวจะต้องซักสัปดาห์ละ 1 ครั้งเหมือนกับผ้าปูที่นอน เพราะผ้าเช็ดตัวจะต้องเจอกับความชื้นและสิ่งสกปรกมากกว่าผ้าปูที่นอน ที่สำคัญคือหลังจากการใช้งานผ้าเช็ดตัวแล้วจะต้องตากในที่โล่ง ไม่ควรตากไว้ในห้องนอนหรือห้องน้ำอย่างเด็ดขาด

 

ซักผ้าปูที่นอนและผ้าเช็ดตัวให้หอม สะอาด ปราศจากแบคทีเรีย

มีใครที่ยังซักผ้าปูที่นอนและผ้าเช็ดตัวด้วยมืออยู่หรือไม่? รู้หรือไม่ว่าการซักด้วยมือนั้นจะไม่สามารถกำจัดคราบสกปรกออกไปได้อย่าง 100% แนะนำให้ใช้เครื่องซักผ้า หรือทางที่ดีควรเลือกซักที่แฟรนไชส์ซักอบที่ใช้เครื่องซักผ้าที่มีระบบการฆ่าเชื้อโรคจึงจะดีที่สุด อย่างเช่นเครื่องซักผ้าจาก Electrolux Professional ที่เป็นเครื่องซักผ้าที่มีนวัตกรรมอัฉริยะ สามารถชะล้างคราบสกปรกได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นคราบฝังลึกแค่ไหนก็เอาอยู่ ที่สำคัญคือมีโหมดซักด้วยความร้อน ช่วยฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาพร้อมการอบผ้าด้วยความร้อนที่ใช้อุณหภูมิสูงสุดถึง 70 องศาเซลเซียส ผ้าแห้งพร้อมใช้งานได้ทันที หมดความกังวลเรื่องกลิ่นอับชื้นในวันฝนตกไปเลย

มาลดการสะสมของเชื้อโรค แบคทีเรีย และสิ่งสกปรกต่าง ๆ บนเสื้อผ้าและของใช้ด้วยการซักผ้าเป็นประจำกับแฟรนไชส์ซักอบ WASHENJOY เราเลือกใช้เครื่องซักผ้ามาตรฐานยุโรปอย่าง Electrolux Professional สามารถซักผ้าได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ผ้ายีน ผ้าหนัก ผ้าผืนใหญ่แค่ไหนก็เอาอยู่ หมดกังวลเรื่องกลิ่นอับชื้น เพราะเราเลือกใช้น้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรพิเศษ นำเข้าจากอเมริกา เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการอับชื้น ให้ผ้าของคุณมีกลิ่นหอมสะอาดยาวนาน

ไม่ว่าคุณต้องการใช้แฟรนไชส์เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ หรือสนใจลงทุนเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญกับเราก็เข้ามาปรึกษาได้ WASHENJOY ยินดีให้บริการ

 

สามารถตรวจสอบสาขาบริการใกล้บ้านคุณ หรือหากสนใจร่วมเปิดแฟรนไชส์ซักอบกับเราได้ที่

โทรศัพท์ : 098-902-6659
Line Official Account : @washenjoy
Email : info@washenjoythai.com
Website : www.washenjoythai.com
Facebook : WASHENJOY Thailand

บทความอื่น ๆ

ดูทั้งหมด